SEO คืออะไร : 8 ปัจจัยการทำ SEO ที่ให้ผลลัพธ์ปังๆ ปี 2020
การทำ SEO คือ ย่อมาจากคำว่า Search Engine Optimization เป็นการปรับปรุงเว็บไซต์หรือวิธีการต่างๆเพื่อเว็บไซต์อยู่อันดับต้นๆ ในเว็บค้นหา (SEARCH ENGINE) หลักการคือเมื่อกรอก Keyword ในช่องค้นหา ก็จะปรากฎเว็บไซต์ในหน้าแสดงผลการค้นหาดังรูป (ในที่นี้ SEO คือ อะไร จะขอพูดแต่ กูเกิ้ล ซึ่งถือว่าเป็น Search Engine เบอร์1 ของโลก และอันดับ 1 ในไทย ) หรือพูดง่ายๆ ก็คือการปรับปรุงเว็บไซต์ด้วยปัจจัยต่างๆ ให้เป็นที่ชื่อชอบของ Google ซึ่งก็จะมีปัจจัยมากมาย เช่น เนื้อหา (Content) ความเร็วของเว็บไซต์ , โครงสร้างบนเว็บไซต์ แต่หากพูดถึงปัจจัยหลักสามารถ แบ่งได้ 2 ปัจจัยดังนี้
- ONPAGE SEO คืออะไร ? เป็นการทำ SEO ที่เป็นกิจกรรมทั้งหมดในเว็บไซต์เรา (ปัจจัยภายใน) เช่น การปรับโครงการเว็บไซต์ , การเขียนบทความ ,การปรับความเร็วเว็บ, การปรับ H1,H2,H3 , ใส่คีย์เวิร์ด Alt ที่รูปภาพ,
- OFF PAGE SEO คืออะไร ? การทำลิ้งย้อนกลับมายังเว็บไซต์เรา (Backlink) รูปแบบต่างๆ มายังเว็บไซต์ของเรา (ปัจจัยภายนอก) เว็บไซต์ที่เราทำ Backlink กลับมาควรจะมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเว็บไซต์ของเรา และมีคุณภาพ เช่น มีค่า TF DA PA สูงก็จะเพิ่มโอกาสในการทำอันดับมากยิ่งขึ้น
เรียนรู้หลักการทำงานของ Google Search ก่อนที่จะ ทำ SEO
- Google ในปัจจุบันถือว่า Google คือ เบอร์ 1 ของ เสิร์ชเอนจิน (Search Engines) ของโลกซึ่ง Market share มากกว่า 70% ของผู้ใช้งานทั้งโลก
- Bing เป็นที่นิยมในอเมริการองจาก Google
- Baidu เสิร์ชเอนจิน ถือเป็นเบอร์ 1 ของจีน
- Yahoo ปัจจุบันความนิยมลดน้อยถอยลงไปมาก
- Yandex เป็นที่นิยม ยูเครน คาซัคสถาน ตุรกี เบรารุส รัสเซีย
- อื่นๆ ARK , DuckDuckGo
- Crawl Google จะส่ง Robot ไปเก็บข้อมูลในเว็บไซต์ต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งในแต่ละปีมีมากถึงพันล้านเว็บไซต์ต่อปี โครงสร้างเว็บที่มีปัจจัยเอื้อให้บอทของ Google เก็บข้อมูลได้ง่ายส่งผลดีต่อ การทำ SEO และ อันดับใน Website อย่างแน่นอน
- Index หลังจากออกไปเก็บข้อมูล กูเกิ้ล ก็จะมาทำดัชนีของตัวเอง โดยผ่าน อัลกอริทึม (Algorithm) ทีตัวเองเป็นตัวกำหนด เราสามารถเช็คได้ว่าเว็บไซต์ของเรา Index หรือถูกเก็บในดัชนีของ Google แล้วหรือยังโดยการใส่ site:โดเมนเนมของคุณ.com ในช่องค้นหา
- Ranking เมื่อเว็บผ่านขั้นตอนทั้ง 2 ข้อด้านบน ก็จะแสดงเป็นผลการค้นหาเมื่อมีผู้เสิร์ชด้วย keyword ที่เกี่ยวข้อง โดยแสดงเป็นผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานมากที่สุด
ข้อดี-ข้อเสีย การทำ SEO คืออะไร
โดยเป็นคนเข้าเว็บ (Traffic) ที่มาจากการค้นหาล้วนๆ(Organic Search) ไม่ต้องผ่านการโฆษณา
เพราะมีผู้ทีคลิกเข้ามาดูสินค้าของเรามายิ่งขึ้นเมื่อเว็บไซต์ที่เราทำ SEO ติดอันดับต้นๆ
เนื่องจากลูกค้าค้นหาด้วย Keyword ที่เกี่ยวข้องแล้วคลิกเข้ามายังเว็บไซต์ของเรา (Organic Search) ทำให้เราไม่ต้องเสียค่าคลิกให้โฆษณาเลย
เนื่องจากลูกค้าค้นหาด้วย Keyword ที่เกี่ยวข้องแล้วคลิกเข้ามายังเว็บไซต์ของเรา (Organic Search) ทำให้เราไม่ต้องเสียค่าคลิกให้โฆษณาเลย
ใช้เวลานาน 3-6 เดือนจึงจะเห็นผล บาง Keyword ที่ยากๆ ใช้เวลากว่า 1 ปี ก็มี
- Google มีการอัพเดท หรือปรับ อัลกอริทึม (Algorithm) บ่อยมากๆๆๆ ผู้ที่ทำ SEO ต้องอัพเดทข้อมูลการทำ SEO / เทคนิค SEO อยู่เสมอๆ และคอย Monitor คู่แข่งเพื่อคอยสังเกตุความเปลี่ยนแปลงของคู่แข่ง หากมีการปรับ อัลกอริทึม
- ไม่มีใครสามารถการันตีอันดับได้ แม้แต่การการันตีหน้าแรก ผู้ให้บริการรับทำ SEO บางราย ยังไม่กล้าการันตีอันดับ หรือ กล้าการันตีการคืนเงิน 100% หากไม่ติดหน้าเลย
- คู่แข่งมีมากยิ่งขึ้น เนื่องมากจากการเข้าถึงข้อมูล SEO สมัยนี้มีมากขึ้น บาง Keyword ผู้ทำ SEO ระดับเริ่มต้นก็สามารถทำได้แล้ว
8 ปัจจัย การทำ SEO คืออะไร / อัพเดท การทำ SEO 2020
มีปัจจัย SEO ที่มีผลต่อการจัดอันดับมากกว่า 200 ปัจจัยใน Google ซึ่งต้องยอมรับว่าคงไม่มีใครทำครบถึง 200 ข้ออย่างแน่นอน ลำพังแค่สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพก็น่าจะใช้เวลามากพอสมควรแล้ว
ปัจจุบัน ปี2020 การทำ SEO คุณภาพของเว็บไซต์ต้องมาเป็นอันดับแรก ซึ่งการทำอันดับ หรือ รับทำ SEO ใน Google มีปัจจัยต่างๆ ที่พอสรุปได้มีดังนี้
- Quality Content เนื้อหาในเว็บไซต์ / บทความ มีความเกี่ยวข้อง และเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานจริงๆ ไม่ใช่มุ่งเน้น SEO มากจนเกินไป สังเกตุดีๆ เดี๋ยวนี้หลายเว็บไซต์เริ่มปรับตัวเช่นทำสารบัญในเว็บ มีรูปภาพ หรือมัลติมีเดียประกอบบทความ พร้อมทั้งเนื้อหาที่มากขึ้นด้วย
- Backlink Profiles การทำแบ๊คลิ้งกลับมาที่เว็บไซต์ควรจะเป็นเว็บที่คุณภาพจริงๆ อย่างน้อยๆ ควรเป็น Link ที่มาจากเว็บที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเว็บของเรา แต่ถ้าถามว่า Backlink แบบไหนที่กำลังเป็นที่นิยม และได้ผลดีคือ Guest post นั่นเอง Agency SEO บางรายก็นิยมลง Content บทความพวกเว็บข่าวชื่อดัง เช่น มติชน , ข่าวสด ฯ ซึ่งค่อนข้างให้ผลดีเป็นอย่างมาก
- Content Freshness อัพเดทเนื้อหาที่สดใหม่ ทันต่อสถานการณ์อยู่เสมอๆ
- Mobile Usability เรื่องนี้ถือเป็นปัจจัยหลัก และเป็นสิ่งที่ Google ให้ความสำคัญต่อการจัด Ranking และ SEO เนื่องจากสถิติปัจจุบันมีการเข้าเว็บไซต์จากมือถือเป็นจำนวนมาก อาจจะมากกว่า Desktop ด้วยซ้ำ Google จึงค่อนข้างให้ความสำคัญมาก เพราะฉะนั้นการออกแบบเว็บไซต์ควรจะรองรับมือถือ Smartphone Tablet
- Website Security เว็บไซต์ควรมีการติดตั้ง SSL Certificate (https) เนื่องจาก Chorme จะขึ้นเตือนด้วยหากเว็บไซต์ไหมไม่มี SSL เมื่อผู้เข้าชมเว็บเห็นก็อาจปิดเว็บของเราไปเลย
- Schema Markup ชุดโค๊ด HTML ที่จะเป็นตัวช่วยให้ Google รู้ว่าข้อมูลของคุณเป็นรูปแบบไหน เช่น หน้าสินค้า , หน้าบทความ โดยรูปการแสดงผลจะแตกต่างกันไป อีกทั้งยังทำให้ CTRเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจาก Format ที่โชว์ในหน้า Serp ค่อนข้างน่า Click กว่าเว็บที่ไม่ได้ทำการติดตั้ง โดยสามารถเทส หรือเจน Code ได้ที่นี่
- User Experience จะเห็นได้ว่าการทำ SEO ข้อบนๆ ล้วนเกี่ยวข้องกับ User Experience ทั้งสิ้น เช่นการมีเนื้อหาบนเว็บไซต์ที่ดีก็จะทำให้ลูกค้าอยู่ในเว็บของเรานานขึ้น มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องน่าสนใจทำให้ลูกค้าตามอ่านเรื่อยๆ BOUNCE RATE ลดลง Time on page หรือเวลาที่อยู่ในเว็บไซต์ก็นานขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ในหลายเว็บที่อันดับ SEO ดีขึ้นกว่าเว็บที่สร้างมาเพื่อ SEO เพียงอย่างเดียว ( คิดว่าข้อนี้สำคัญมากๆ หากคุณติด Google Anaytics สถิติพวกนี้จะถูกบันทึกไว้หมดแล้ว มีหรือที่ Spider หรือ บอท ของ กูเกิ้ล จะไม่รู้ +-+)
- Website Page Speed เป็นเรื่องความเร็วของเว็บไซต์ แนะนำลองใช้เครื่องมืออย่าง PageSpeed Insights หรือว่า Google Lighthouse ตรวจสอบเว็บความเร็ว และมันจะบอกวิธีแก้ปัญหาให้ ควรวางแผนเรื่องนี้ตั้งแต่แรก หากมาปรับแก้ทีหลังจะค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่อง Coding ตรวจสอบความเร็วได้ที่นี่ Google’s PageSpeed Insights tool
วิธีทำ On-page SEO ขั้นพื้นฐาน
การทำ Onpage SEO (บทความ)
- มี Keyword ใน Title
- มี Keyword ใน H1
- มี Keyword ใน H2
- มี keyword อยู่ในพารากราฟแรก / ไม่ควรเกิน 200 คำแรก ของบทความ
- มีเนื้อหาอย่างน้อย 500 คำ
- ทำ LINK ออกไปยังเว็บที่เกี่ยวข้อง (น่าเชื่อถือนิดนึง)
- ทำ LINK ภายในเว็บไซต์ของเรา ควรเกี่ยวข้องกับเนื้อหานิดนึง
- ควรมีรูปประกอบ และใส่ Keyword ให้กับรูป (alt)
- ความหนาแน่นของ Keyword ควรอยู่ที่ 3-5% / Page
อันนี้คือคร่าวๆ นะครับ ที่ไม่ควรลืม !! ถือเป็นหลักการรับทำ SEO สายขาวง่ายที่ควรทำเลย
การทำ SEO OFF-PAGE
Off page SEO คืออะไร เทคนิคการทำ Backlink กลับมายังเว็บไซต์ของเรา ซึ่งควรทำในปริมาณที่พอเหมาะ และค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ตัวอย่างประเภทเว็บที่ให้ทำ LINK
- Blog Commenting เป็นการไปคอมเม้นในเว็บไซต์ที่เนื้อหาเกี่ยวข้องกับเว็บเรา และทำ LINK กลับมา
- Guest Posting การเขียนบล็อกและเผยแพร่บนเว็บไซต์อื่น ๆ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรา แนะนำเลยเพราะผลลัพธ์ดีมาก แต่ราคาก็แพงเช่นกัน
- Forum Posting เป็นการโพสบนเว็บบอร์ดต่างๆ
- Video Marketing เพยแพร่วิดีโอบนแพลตฟอร์ม วิดีโอ เช่น Youtube พร้อมทำ Link กลับมา
- Share PDF ให้เราเอาบทความไปแปลงเป็น PDF แล้วอัพโหลดตามเว็บที่ให้แชร์ PDF พร้อมทำ Linkมายังเว็บไซต์
- Photo Sharing เช่น Flick , imgur.com ฯลฯ
คำถาม-คำตอบ SEO / FAQ ?
On page นั้นจะเน้นปรับปัจจัยภายในเว็บเราเอง
off page เน้นสร้าง Backlink รูปแบบต่างๆ กลับมายังเว็บไซต์เรา
การสร้าง Link จากเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเว็บเรามากที่สุด และควรเป็นเว็บที่น่าเชื่อถือ
ควรจะทยอยทำ และเป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่ใช่อัด Backlink จำนวนมากที่เดียว เว็บเราอาจจะโดน Google ลงโทษได้
On-page SEO ยังเป็นปัจจัยสำคัญ และ Google ยังให้ความสำคัญต่อการจัดอันดับอยู่มาก
ซึ่งปัจจุบันมีหลายปัจจัยมาก ทำให้ Google รู้ว่าเว็บไซต์เราเกี่ยวกับอะไร เราโฟกัสอะไรเป็นพิเศษ
ยังมีปัจจัยในการจัดอันดับ และเทคนิคทำ SEO อีกมากที่ Siamrank.com ไม่สามารถรวบรวมมาได้ทั้งหมดบางเทคนิค SEO ทำแล้วอาจจะได้ผลสำหรับบางเว็บ บางเทคนิคอาจทำไม่ได้ผล ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และการเฝ้าสังเกตุของ ทำ SEO ขนาด H1 H2 ที่สำคัญนักสำคัญหนา บางเว็บก็ไม่ได้ใส่นะครับ(แต่ควรใส่นะ) แต่ก็สามารถทำอันดับได้ดี ซึ่งผมก็ยังงงๆ อยู่เหมือนกัน แต่ยังไงการปรับ On page ก็ยังคงสำคัญที่สุด
การวางแผนโครงสร้างเว็บยังสำคัญ ทำยังไงเมื่อบอทเข้ามาสามารถรู้ได้ทันทีว่าเว็บนี้เกี่ยวกับอะไร ต้องไปตรงไหน บอกเลยว่าจากนี้ไปการ รับทำ SEO ปี 2020 ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อีกต่อไป
หน้านี้เพิ่งอัพเดทล่าสุดเมื่อ : 30 กันยายน 2563 โดย siamrank.com